Hello

หนูเคยเป็นแอร์มาค่ะพี่ หนูสมัครงานบัตเลอร์ได้มั้ยคะ? 

 

นี้คือหนึ่งในคำถามที่พี่เจเจเจอบ่อยที่สุดจากวงการแอร์ไลน์ 

ช่วงpandemicที่ผ่านมา คนในธุรกิจการบินต้องเจอกับปัญหาใหญ่กันกระทันหัน น่าสงสารมาก ถึงขั้นหลายคนโดนให้ออก สิ่งนึงที่พี่เจเจอยากบอกกับคนในสายธุรกิจการบินก็คือ พวกเราไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่เราเก่ง อดทน อึด เข้มแข็งมากที่ผ่านทุกอย่างมาได้ ก็ขอชื่นชมและเอาใจช่วยต่อไปนะคะ 

 

 

อาชีพแอร์โฮสเตส หรือ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เป็นงานที่คนมองความสวยกริบหัวจรดเท้าก่อน แล้วนึกถึงการใช้ชีวิตที่ได้เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก เงินเดือนดี น้อยคนนักจะนึกถึงขั้นตอนกว่าเค้าจะได้มาเป็นแอร์ การอบรมทั้งความปลอดภัย การปฐมพยาบาล และ ด้านบริการต่างๆที่แอร์ต้องอดหลับอดนอนท่องหนังสือไปสอบให้ได้ไลเซนซ์มาบินต่ออีกหนึ่งปี 

นอกจากนี้อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่ว่าจะสายการบินไหนก็ต้องใช้ทักษะที่สูงมากในการบริการจัดการคน การบริการผู้โดยสารร้อยพ่อพันแม่หลากหลายสัญชาติ ท่ามกลางความอดหลับอดนอนบินข้ามทวีป เจ็ทแลกต่อเนื่องยาวนาน 

ที่พี่เจเจเขียนร่ายมาทั้งหมดนี่เพื่อที่จะบอกว่า อาชีพแอร์โฮสเตส หรือ อาชีพอื่นๆในธุรกิจการบินมีการใช้ทักษะ ความรู้ และ ประสบการณ์ที่เป็นที่ต้องการมากของงานบัตเลอร์ 

 

ไอเดียดึงจุดเด่นของงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินออก

มาใช้สมัครงานบัตเลอร์

​

พี่จะลองยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้นให้ดูนะคะ เผื่อพวกเราใช้เป็นไอเดียตอบคำถามสัมภาษณ์งานเมื่อต้องการเปลี่ยนงานใหม่ด้วยค่ะ 

• มีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับการเดินทาง จุดเช็คอิน แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหารที่น่าสนใจในประเทศอื่นๆ 

• ภาษาอังกฤษดี และ อาจพูดภาษาอื่นๆได้ด้วย ถ้าเป็นคนไทยก็พูดได้สองภาษาสวยๆไปเลย

• มีความสามารถในการทำงานกับทีมนานาชาติ multi cultural team และ ดูแลลูกค้าชาติต่างๆได้ดี

• เข้าใจความแตกต่างของลูกค้า ผู้โดยสาร จากแต่ละแห่งได้อย่างละเอียด เชื่อว่าพวกเราชาวสายการบินมีความรู้จักJain meal, Kosher meal, Muslim meal รู้ความแตกต่าง รู้ว่าคนสัญชาติ ศาสนาใดที่จะต้องการอาหารพิเศษเหล่านี้ 

• เก่งเรื่องการใส่ใจในรายละเอียด รู้จักใส่ใจ การสังเกตลูกค้า 

• เก่งมากเรื่องการบริหารจัดการเวลา เพราะงานแอร์ สวยแต่ไว รีบเสริฟ รีบเก็บ รีบเปลี่ยนเครื่อง เพราะทุกนาทีมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด

• ส่วนใหญ่มีบุคลิคดี การแต่งกายเสื้อผ้าหน้าผมเรียบร้อย ไม่ต้องพูดเยอะ พูดจาสุภาพ 

• เก่งเรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การไปบินแต่ละไฟลท์นั้น เดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เดี๋ยวอาหารหมด เดี๋ยวเก้าอี้พัง ผู้โดยสารป่วย เครื่องตกหลุมอากาศ คนสายการบินเก่งมากเรื่องการคิดฉับไวแก้ไขปัญหาหน้างาน 

• การช่วยกันแก้ปัญหาในทีม ตั้งแต่กัปตัน จนถึง Junior crew รวมถึงการสื่อสารข้อมูลกับพนักงานภาคพื้น 

• ผ่านการอบรมจนเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุ แม่และเด็ก ลูกค้าวีไอพี ผู้ป่วย ผู้พิการ และ อื่นๆ

แค่เพียงลองเขียนออกมาคร่าวๆยังได้ไปแล้วเป็นสิบข้อ 

 

แนะนำการเตรียมสัมภาษณ์งานบัตเลอร์ 

 

ถ้าหากแอร์หรือคนในสายงานบริการอื่นๆ ต้องการสมัครงานบัตเลอร์ งานสายการดูแลวีไอพี สิ่งที่เราควรทำ คือ 

ลิสท์ทักษะ ความสามารถ การอบรมเทรนนิ่งต่างๆที่เราผ่านมาแล้ว ออกมาดู แล้วคิดให้ได้ว่า ทักษะเหล่านี้จำเป็นและช่วยได้อย่างไรต่องานใหม่ที่เราต้องการสมัคร 

 

พี่จะช่วยพวกเราคิดต่ออีกนิดนึงให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นนะคะ 

 

เช่น ต้องการคุยในหัวข้อทักษะเรื่อง มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการลูกค้าวีไอพี บุคคลสำคัญต่างๆทั้งด้านการเมือง ดาราระดับโลก 

​

ทักษะนี้เราขยายต่อได้ในเรซูเมว่าเราคุ้นเคยกับหน้าที่รับผิดชอบนี้เป็นอย่างดีและนำมาเป็นสถานการณ์ที่ยกเป็นตัวอย่างต่อได้อีกค่ะ พี่ลิสท์ให้ลองคิดทีละข้อ มีทั้งหมด 5 ข้อให้ลองเขียนดูนะคะ 

​

1. เราเคยได้รับมอบหมายให้ดูแลบุคคลสำคัญท่านใด 

2. เราเตรียมการดูแลวีไอพีท่านนี้อย่างไร ศึกษาประวัติ รายละเอียดส่วนตัวประกอบอย่างไร 

3. เมื่อได้พบกับผู้โดยสารวีไอพีท่านนี้แล้ว เราลองการสังเกตลูกค้าและได้ข้อมูลความชอบไม่ชอบส่วนตัวมาอย่างไรบ้าง 

เมื่อสังเกตจนได้ข้อมูลเกี่ยวกับความชอบ ไม่ชอบส่วนตัวของลูกค้าท่านนี้แล้ว

4. เราคิดบริการดูแล ช่วยเหลือ ช่วยแก้ปัญหาอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจ  

5.   ยิ่งหากมีรูปถ่ายคู่กันนำมาประกอบให้กรรมการเห็นระหว่างสัมภาษณ์ด้วยยิ่งดีเพื่อพูดคุย ยืนยันหลักฐาน แถมยังได้คุยกับกรรมการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่เหนือกว่าผู้สมัครตำแหน่งเดียวกับเราคนอื่นๆด้วย แลดูเป็นคนเตรียมพร้อมล่วงหน้า วิธีนี้ช่วยให้เราล้ำหน้าคู่แข่งได้อย่างดีทีเดียวค่ะ 

 

ตัวอย่างการเล่าเรื่องประกอบการสมัครงานบัตเลอร์

 

พี่จะเล่าเรื่องที่พี่ใช้คุยในการสัมภาษณ์กับสื่อ หรือ ใช้คุยตอนสัมภาษณ์งานให้อ่าน เผื่อจะยิ่งกระตุ้นสมองให้นึกออกว่า เราก็เคยมีประสบการณ์แนวนี้เหมือนกัน งั้นลองวางแผนปรับวิธีการสื่อสารเพื่อเล่าเรื่องราวจริงๆที่เราได้ทำงานอย่างมืออาชีพมาแล้วให้กรรมการฟัง เพื่อให้เราสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมามาขายตัวเองต่อได้นะคะ  

 

สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ พี่ขออนุญาติเล่าก่อนว่าพี่เจเจเคยเป็นหัวหน้าลูกเรือของสายการบินเอมิเรสต์ Fly Better แห่งเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เรานี่เอง จะได้ไม่งงกันว่าพี่เจเจรู้เรื่องสายการบินละเอียดขนาดนี้มาจากที่ไหนนะคะ 

 

​

เคยมีอยู่ไฟลท์นึงที่พี่เจเจได้รับแจ้งข้อมูลล่วงหน้าก่อนเข้าห้องบรีฟฟิ่งกับลูกเรือว่า ไฟลท์นี้จะมี Royal family ตะวันออกกลางเดินทางมาด้วยหนึ่งกรุ๊ป ซึ่งทั้งหมดจะเดินทางในชั้นเฟิร์สคลาส เมื่อดูชื่อ นามสกุล อ่านข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆแล้วก็รู้สึกหนาวเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ถ้าหากทำดีก็คงเสมอตัว หากพลาดขึ้นมาวันรุ่งขึ้น หรืออาจไม่ต้องรอข้ามวัน พี่ก็อาจโดนเรียกเข้าพบด่วนที่ออฟฟิศผู้จัดการ 

 

​

ผู้โดยสารวีไอพีท่านนั้นมีตำแหน่งทางสังคมสูงมาก เป็นระดับคุณแม่แท้ๆของเชค (หรือ ชีค ที่คนไทยชอบเรียกกัน) สำคัญท่านหนึงในดูไบ ท่านค่อนข้างมีอายุแล้ว เดินทางมากับขบวนผู้ติดตาม ส่วนใหญ่สาวชาววัง และมีคนในครอบครัวด้วย  

 

ตอนแรกๆก็แอบเกร็ง ทำงานแบบเก็บรายละเอียดเป๊ะทุกจุดราวกับมีService trainerนั่งติ๊กถูกให้คะแนนอยู่ แต่จากการสังเกตดูคุณแม่แล้ว (ขออนุญาติเรียกคุณแม่นะคะ ท่านน่ารักจริงๆ และปัจจุบันท่านก็ยังเป็นคุณแม่ของครอบครัวนายที่พี่รักและเคารพมากค่ะ) 

ก็พบว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี ไม่ได้ต้องการบริการละเอียดยิบทุกกระเบียดนิ้ว ไม่อยากดูทีวี นางกำนัลมาเปิดหนังบนเครื่องให้ดูท่านก็ไม่ดู ทำหน้ารำคาญ ทานอาหารก็น้อย ดูแลง่ายมากกกกกกก เหมือนผู้ใหญ่ใจดี 

 

 

พอดีมีเวลาหลังเสริฟอาหารเสร็จพี่เลยเดินไปคุยด้วย แต่มีการถือชาร้อนกับลูกอินทผลัมใส่ถาดเงินติดมือไปด้วย เพราะสังเกตเห็นแล้วว่าคุณแม่เป็นชาวดูไบแท้ๆ ไม่ชอบกินขนมฝรั่ง ดูเหมือนยังรักษาการใช้ชีวิตในแบบชาวทะเลทรายรุ่นเก่าๆ พี่เจเจก็ไปชวนคุย เลือกคุยด้วยคำที่เป็นประโยคอารบิกแบบ Gulf ใช้คำศัพท์ที่เป็น dialect เฉพาะของคนสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เพื่อสร้างrapportความเป็นคนดูไบ แล้วพี่ก็ขออนุญาตเปิดช่องทีวีที่เป็นเสียงสวดมนต์ให้คุณแม่ฟัง เพราะเห็นคุณแม่มีลูกประคำที่คนมุสลิมนิยมใช้ถือติดมือเพื่อสวดมนต์ในระหว่างวัน เอาหล่ะ คราวนี้คุณแม่ถูกใจมาก นั่งยิ้มเลย  

 

ก่อนเครื่องลง มีตกหลุมอากาศเล็กน้อย เครื่องกระแทก พี่เจเจเลยเดินไปดูว่ากรุ๊ปวีไอพีนี้โอเคดีหรือเปล่า ปรากฏว่า คุณแม่เรียกมาหา เพราะกลัวที่เครื่องกระแทกแรง และขอให้พี่นั่งอยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องทำอะไร นั่งจับมือ มองสบตา ยิ้ม ชวนคุยปลอบใจคุณแม่ 

 

จบไฟลท์ไปคุณแม่ท่านลงไปอย่างมีความสุข ทุกคนในกรุ๊ปขอบคุณลูกเรือที่ดูแลเป็นอย่างดี และอานิสงส์ ผลลัพท์จากไฟลท์นั้นนั่นเอง ที่เรารู้จักสังเกตและใส่ใจดูแลผู้โดยสารจากใจจริงๆ ทำให้พี่ได้รับการเสนองานจากในวัง เพื่อไปดูแล Royal family ทางตะวันออกกลางมาอีกหลายต่อหลายครั้ง   

 

เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

 

พี่เจเจเชื่อว่า พวกเราในสายงานบริการ ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน หรือ วงการธุรกิจใดก็ตาม ต้องมีเรื่องราวและประสบการณ์การดูแลลูกค้าวีไอพี หรือ ประสบการณ์บางเรื่องที่นำมาเล่า ยกตัวอย่างได้ว่าเราเคยทำอะไรมา ดูแลลูกค้าที่พิเศษอย่างไร ผลลัพท์เป็นอย่างไร 

 

ลองนึกแล้วเขียนออกมาดูนะคะ หากว่าอยากเล่าให้พี่ฟังเพื่อขอฟีดแบคหรือต้องการปรึกษาด้วย ก็ส่งอีเมล์มาค่ะ piri.firstclass@gmail.com  หวังว่าBlogวันนี้จะมีประโยชน์พอเป็นแนวทางให้พวกเราได้ในการสมัครงาน หรือ เป็นข้อมูลในการทำงานกับวีไอพีนะคะ ขอบคุณค่ะ